วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ขับมอเตอร์ไซค์แบบเซี้ยวๆ เที่ยวน่าน [2]


วันที่สอง ตื่นเช้ามาพร้อมความสดชื่นความดีงามของ ศรีนวล ลอดจ์ อีกอย่างคือเซ็ตอาหารเช้าที่โคตรดี แบบมันมีกิมมิกอ่ะ ไม่ได้กะให้อิ่มพุงกางแต่มีเพื่อสร้างแวร์ลู่ให้กับที่พัก (อันนี้คิดเอง) เราได้สั่งเซ็ต ไก่ทอด+น้ำพริอกหนุ่ม+ข้าวเหนียว กับเซต หมูทอดมะแขว่น+น้ำพริกหนุ่ม+ข้าวเหนียว นอกจากเซตอาหารเช้าแล้วเราสามารถสั่งไข่กะทะกับทางที่พักนอกเหนือจากในเซ็ตได้ราคา 50 บาท มาดูความดีงามของเซ็ตอาหารเช้าที่ ศรีนวล ลอดจ์ กันเลย

 
อาหารเช้าที่ศรีนวล ลอดจ์

อาหารเช้าที่ศรีนวล ลอดจ์

อาหารเช้าที่ศรีนวล ลอดจ์

เมื่ออิ่มพุ่งก็เก็บสัมภาระเพื่อเช็คเอ้าท์แล้วมุ่งหน้าไปที่พักที่สอง แอดได้ทำการจองที่พักกับ Agoda ซึ่งได้จองโรงแรม น่าน สบายดี เอาไว้ เราทำการจองสำเร็จเสร็จสิ้นด้วยความสบายใจว่ามีที่พักแล้วเราก็ขี่รถชิลๆ เพื่อตามหาโรงแรม น่าน สบายดี เมื่อเรามาถึงจุดหมายสิ่งที่ทำให้อารมณ์วีนเหวี่ยงของแอดประทุขึ้นก็คือ ทางโรงแรมได้แจ้งว่าไม่สามารถให้พวกเราเข้าพักได้เนื่องจากทางโรงแรมไม่ได้ดิวกับ Agoda แล้วที่พักก็เต็มแล้วด้วย! ...จ้ะ สลัดผัก ปักหมุดมาก พูด Mars Mars แบบนี้แล้วพวก Glue จะทำยังไงล่ะทีนี้ แต่ก็อารมณ์ผ่อนลงเพราะทางรีเซปชั่นได้ช่วยโทรหาที่พักอื่นให้แล้วก็พูดจาดี แต่เฮลโหลวว นี่มันช่วงไฮฯ โทรไปก็ไม่ได้นำพาป่ะว้า สรุปก็ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ทางนั้นก็ดีนะถามว่าจะไปพักที่ไหน แอดก็บอกว่าถ้าไม่มีก็คงจะนอนวัดอ่ะจร้ะ จะต้องเป็นเจ้าของโรงแรมและเว็บไซต์จองโรงแรมประเภทไหนกันที่สามารถทำให้เรื่องซังกะบ๊วยเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ได้ข่าวว่าไม่ใช่รายแรกด้วยนะ คงขอลาขาดกันชาตินี้แหละจ้า

เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก
เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก

เรือนสร้อยไข่มุก


เราจากมาด้วยข้อสรุปที่ว่า "พวกแกไม่มีที่พักในวันนี้" แต่แอดก็ไม่ได้เครียดมากนะ เพราะคิดว่าที่พักก็คงมีแหละแต่อาจจะไม่ใช่กลางตัวเมืองแบบนี้ ในความมืดย่อมมีความสว่างเสมอ ร้านโตโน่ คาร์เร้นท์ ได้โทรมาบอกว่าให้เราไปเอารถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ได้เพราะมีลูกค้าเอามาคืนแล้ว เราดีใจมากเพราะรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่อยู่ตอนนี้มันไม่ค่อยสบาย มีอาการทรงๆ ทรุดๆ อยู่บ่อยๆ 55+ แอดได้คุยกะร้านโตโน่ถึงเหตุการโดนโรงแรมเท พี่เขาใจดีมากโทรหาที่พักให้ใหญ่เลย แต่ส่วนใหญ่ก็เต็มแหละ สุดท้ายก็มีที่พักว่างสำหรับเรา พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ (350/วัน) คืนนี้เราจะพักกันที่เรือนสร้อยไข่มุก เป็นเหมือนอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ารายเดือน แต่สภาพน่าอยู่มาก ร่มรื่น มีสวนหย่อมกลางอพาร์ทเม้นท์เลย คุณลุงเจ้าของก็ใจดีมากพูดคุยอย่างเป็นกันเอง คุณลุงบอกว่าที่นี่ค่อนข้างเลือกคนเข้ามาพักพอสมควร เพราะคนพักส่วนใหญ่จะพักเป็นรายเดือนจึงมีห้องพักแบบรายวันไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็คนรู้จักแนะนำกันมา เราแฮปปี้กับเรือนสร้อยไข่มุกมาก แม้ทางเข้าจะไกล้สักหน่อยแต่อยู่แล้วสบายใจดี

วัดพระธาตุแช่แห้ง

วัดพระธาตุแช่แห้ง

วัดพระธาตุแช่แห้ง
เจดีย์ชเวดากอง


หลังจากที่เราเก็บสัมภาระเข้าที่ก็เตรียมทัวร์ในเมืองน่านกันเลย ที่แรกที่เราจะไปคือวัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุองค์นี้เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ว่ากันว่าหากได้มากราบไหว้จะทำให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน การงานเจริญก้าวหน้า สามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00น. จุดเด่นของพระธาตุแช่แห้งคือมีพระธาตุสีทองตั้งตระหง่านอยู่อย่างสวยงาม ช่วงที่แอดไปแดดแรงมากยิ่งขับให้ทองที่เคลือบองค์พระธาตุยิ่งสว่างสุกใสสวยงามยิ่งขึ้น อ้อ ที่หน้าวัดพระธาตุแช่แห้งมีพระมหาเจดีย์ชเวดากองให้กราบไหว้กันด้วยนะ

วัดมิ่งเมือง
ศาลหลักเมืองน่าน ที่วัดมิ่งเมือง

วัดมิงเมือง
จิตรกรรมฝาผนัง วัดมิ่งเมือง
จิตรกรรมฝาผนัง วัดมิ่งเมือง
 
จิตรกรรมฝาผนัง วัดมิ่งเมือง

สถานีต่อไปเรามากันที่วัดมิ่งเมือง วัดนี้คือแอดชอบมากกสุดๆ สำหรับคนที่ชอบเสพฯศิลป์คุณจะเลิฟวัดนี้ เพราะวัดนี้มีศิลปะที่สวยงามสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดภายในวัดหรือสถาปัตยกรรมที่รายรอบ ซึ่งศิลปะเหล่านี้ได้ช่างฯ จากเชียงแสน จังหวัดเชียงรายมาเสกศิลปะที่สวยงามเหล่านี้ให้เกิดขึ้น นอกจากนี้วัดนี้จะมีศาลหลักเมืองน่านประดิษฐานอยู่ด้วย แอดไม่อยากให้พลาดวัดนี้พอๆ กับวัดภูมินทร์เลยแหละ

วัดภูมินทร์
ปู่ม่าน ย่าม่าน วัดภูมินทร์

สถานีที่สามเราก็มาถึงกันจนได้สำหรับวัดภูมินทร์ ปู่ม่านย่าม่านตำนานกระซิบรักกันให้บรรลือโลกอยู่ที่วัดนี้ ใครมาน่านแล้วไม่ได้มาไหว้พระที่วัดภูมินทร์ถือว่ามาไม่ถึงน่าน มองจากด้านนอกจะเห็นว่าวัดนี้จะมีความเก่าแก่พอสมควร เมื่อเข้าไปภายในจะเห็นพระพุทธรูปนั่งหันหลังชนกัน 4 องค์โดยมีเสาสีแดงคั่นกลางอยู่ รอบอุโบสถจะรายรอบไปด้วยภาพจิตกรรมฝาผนังที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองน่านรวมทั้งภาพจิตรกรรมปู่ม่านย่าม่านก็อยู่ที่อุโบสถแห่งนี้เช่นกัน ด้วยความยาวนานของกาลเวลาทำให้ภาพจิตรกรรมเหล่านั้นลบเลือนหายไปแล้วบ้างแต่ยังคงความขลังและความสวยงามอยู่

อุโมงค์ต้นไม้ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน

เสร็จจากไหว้พระจากวัดภูมินทร์ให้แวะมาที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดช้างค้ำ ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านนั้นมีอุโมงค์ต้นไม้สวยๆ รอให้เรามาถ่ายรูปอยู่จ้ะ ต้นไม้ที่ก่อเป็นอุโมงค์นี้เป็นต้นลีลาวดีที่มีอายุหลายสิบปีเลยทีเดียว ซึ่งอุโมงค์ต้นลีลาวดีจะแยกจากตัวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านอย่างชัดเจน แม้ว่าพิพิธภัณฑ์จะปิดแต่เรายังสามารถเข้าไปถ่ายรูปกับอุโมงค์ต้นลีลาวดีได้อยู่นะ ข้ามมาอีกหน่อยก็เป็นวัดหัวข่วง วัดนี้เป็นวัดค่อนข้างใหญ่ถ้าหากว่างก็เข้าไปไหว้พระเพื่อเป็นมงคลชีวิตกัน

วัดเขาน้อย

วัดเขาน้อย

สถานที่ต่อไปเราวางกันไว้ว่าจะไปไหว้พระและดูพระอาทิตย์ตกกันที่วัดเขาน้อย วัดเขาน้อยก็เป็นวัดที่ห้ามพลาดไม่ต่างกับวัดภูมินทร์เลย หลายคนอาจจะคุ้นภาพพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ ที่มีฉากหลังเป็นวิวเมืองน่านสวยๆ กันใช่ไหม พระพุทธรูปนี้เป็นพระประธานที่วัดเขาน้อยจังหวัดน่านนั่นเอง ทางขึ้นวัดเขาน้อยค่อนข้างชันเลยทีเดียวหากขับรถขึ้นไปจอดที่วัดก็ต้องขับขี่กันอย่างระมัดระวังหน่อย หรืออาจจะจอดไว้ด้านล่างแล้วเดินขึ้นบันไดก็ได้แต่บันไดค่อนข้างชันและมีระยะทางยาวอยู่เหมือนกัน วันที่แอดไปกำลังเริ่มทำวัตรเย็นกันอยู่ โดยที่จะมีพระสงฆ์และญาติโยมไปนั่งรวมกันที่พระประธานแล้วสวดมนต์ทำวัดเย็นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับไปกับทิวเขาฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นภาพที่งดงามมาก

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

ชาบูบู๊ตึ๊ง น่าน

เมื่อเที่ยวเสร็จก็เริ่มหิวกันแล้ว วันนี้พวกเราลืมทานอาหารมื้อกลางวันกันซะสนิท มื้อเย็นก็ต้องจัดหนักกันหน่อย ในตัวเมืองน่านจะมีชาบูและปิ้งย่างชื่อดังอยู่ร้านนึงชื่อร้าน ชาบูบู๊ตึ๊ง ร้านนี้แอบเห็นว่าคนเยอะตั้งแต่มะวานแล้วล่ะแต่จัดส้มตำไปแล้ววันนี้ก็เลยถึงคิวชาบูบ้าง ชาบูบู๊ตึ๊งตั้งอยู่สี่แยกบ้านดอนศรีเสริม เขามีให้เลือกทานทั้งปิ้งย่างหรือชาบูเลือกเอาตามใจเลย มีให้เลือก 2 ราคา เลือกแบบศิษย์น้อง หัวละ 189 บาท เลือกศิษย์พี่ 239 บาทต่อหัว ต่างกันตรงที่ศิษย์พี่จะมี ผัก หมู เนื้อ แต่ศิษย์น้องไม่มีเนื้อ น้ำรีฟิวส์มี 4 รส มีรสองุ่น, พันช์, ชามะนาว, ชาเชียวมะลิ เลือกได้ตามชอบคิดครั้งเดียว 29 บาทเติมไม่อั้น วันนั้นเรากินจนพุงกางให้สาสมกับที่ไม่ได้ทานข้าวกลางวัน จากนั้นเราก็ไปแวะช้อปกันที่ถนนคนเดินซึ่งอยู่ถนนวัดภูมินทร์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินั่นแหละ ขอบอกว่าของกินละลานตามากกก มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นคาวหวาน แต่แอดไม่ไหวแล้วเลยเดินเล่นอย่างเดียว นอกจากของกินแล้วพวกของใช้หรือเสื้อผ้าต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อกันนะ เอาเป็นว่าถ้าได้มาเดินเล่นที่ถนนคนเดินน่านยังไงก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกันบ้างล่ะ ที่นี่เขาเปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ประมาณหกโมงเย็นก็เริ่มเปิดกันแล้วล่ะ วันนี้อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้องแล้วก็กลับมาพักที่เรือนสร้อยไข่มุกเตรียมตัวไปตะลุยปัวกันในวันพรุ่งนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น